จุลลกเศรษฐีชาดก “คนฉลาดตั้งตนได้”

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในเมืองพาราณสี ในแคว้นกาสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลเศรษฐี เจริญวัยแล้ว ได้รับตำแหน่งเศรษฐีได้ชื่อว่า จุลลกเศรษฐี จุลลกเศรษฐีนั้นเป็นบัณฑิต ฉลาดเฉียบแหลม รู้นิมิตทั้งปวง. วันหนึ่ง จุลลกเศรษฐีนั้นไปสู่ที่บำรุงพระราชา เห็นหนูตายในระหว่างถนน คำนวนนักขัตฤกษ์ในขณะนั้นแล้ว กล่าวคำนี้ว่า กุลบุตรผู้มีดวงตา คือปัญญา อาจเอาหนูตัวนี้ไปกระทำการเลี้ยงดูภรรยา และประกอบการงานได้.

กุลบุตรผู้ยากไร้คนหนึ่งชื่อว่า จูฬันเตวาสิก ได้ฟังคำของเศรษฐีนั้น แล้วคิดว่า ท่านเศรษฐีนี้ไม่รู้ จักไม่พูด จึงเอาหนูไปขายในตลาดแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นอาหารแมว ได้ทรัพย์กากณึกหนึ่ง จึงซื้อนํ้าอ้อยด้วยทรัพย์หนึ่งกากณึกนั้น แล้วเอาหม้อใบหนึ่งตักนํ้าไป เขาเห็นพวกช่างดอกไม้มาจากป่า จึงให้ชิ้นนํ้าอ้อยคนละหน่อยหนึ่ง แล้วให้ดื่มนํ้ากระบวยหนึ่ง พวกช่างดอกไม้เหล่านั้นได้ให้ดอกไม้คนละกำมือแก่เขา.

แม้ในวันรุ่งขึ้น เขาก็เอาค่าดอกไม้นั้น ซื้อนํ้าอ้อยและนํ้าดื่มหม้อหนึ่ง ไปยังสวนดอกไม้ทีเดียว พวกช่างดอกไม้ได้ให้ กอดอกไม้ที่เก็บไปแล้ว ครึ่งกอแก่เขาในวันนั้นแล้วก็ไป ไม่นานนัก เขาก็ได้เงิน ๘ กหาปณะ โดยอุบายนี้.
ในวันมีฝนเจือลมวันหนึ่ง ไม้แห้งกิ่งไม้ และใบไม้เป็นอันมาก ในพระราชอุทยาน ถูกลมพัดตกลงมาอีก คนเฝ้าอุทยานไม่เห็นอุบายที่จะทิ้ง เขาไปในพระราชอุทยานนั้น แล้วกล่าวกะคนเฝ้าอุทยานว่า ถ้าท่านจักให้ไม้และใบไม้เหล่านั้นแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจักนำของทั้งหมด ออกไปจากสวนนี้ของท่าน คนเฝ้าอุทยานนั้นรับคำว่า เอาไปเถอะ นาย. จูฬันเตวาสิกจึงไปยังสนามเล่นของพวกเด็กๆ ให้นํ้าอ้อย ให้ต้นไม้และใบไม้ทั้งหมด ออกไปโดยเวลาครู่เดียว ให้กองไว้ที่ประตูอุทยาน. ในกาลนั้น ช่างหม้อหลวงเที่ยวหาฟืนเพื่อเผาภาชนะดินของหลวง เห็นไม้และใบไม้เหล่านั้นที่ประตูอุทยาน จึงซื้อเอาจากมือของจูฬันเตวาสิกนั้น. วันนั้น จูฬันเตวาสิกได้ทรัพย์ ๑๖ กหาปณะ และภาชนะ ๕ อย่างมีตุ่มเป็นต้น ด้วยการขายไม้.
เมื่อ มีทรัพย์ ๒๔ กหาปณะ จูฬันเตวาสิกนั้นจึงคิดว่า เรามีอุบายนี้ แล้วตั้งตุ่มนํ้าดื่มตุ่มหนึ่งไว้ ในที่ไม่ไกลประตูพระนคร บริการคนหาบหญ้า ๕๐๐ คนด้วยนํ้าดื่ม. คนหาบหญ้า แม้เหล่านั้นกล่าวว่า สหาย ท่านมีอุปการะมากแก่พวกเรา พวกเราจะกระทำอะไรแก่ท่าน (ได้บ้าง). จูฬันเตวาสิกนั้นกล่าวว่า เมื่อกิจเกิดขึ้นแก่เรา ท่านทั้งหลายจักกระทำ แล้วเที่ยวไปข้างโน้นข้างนี้ ได้กระทำความสนิทสนม โดยความเป็นมิตรกับคนผู้ทำงานทางบก และคนทำงานทางนํ้า.

คนทำงานทางบกบอกแก่จูฬันเตวาสิกนั้นว่า พรุ่งนี้ พ่อค้าม้าจักพาม้า ๕๐๐ ตัวมายังนครนี้. นายจูฬันเตวาสิกนั้นได้ฟังคำของคนทำงานทางบกนั้นแล้ว จึงกล่าวกะพวกคนหาบหญ้าว่า วันนี้ ท่านจงให้หญ้าแก่เราคนละกำ และเมื่อเรายังไม่ได้ขายหญ้า ท่านทั้งหลายอย่าขายหญ้าของตนๆ คนหาบหญ้าเหล่านั้นรับคำแล้ว นำหญ้า ๕๐๐ กำ มาลงที่ประตูบ้านของจูฬันเตวาสิกนั้น. พ่อค้าม้าไม่ได้อาหารสำหรับม้าในพระนครทั้งสิ้น จึงให้ทรัพย์หนึ่งพันแก่จูฬันเตวาสิกนั้น แล้วถือเอาหญ้านั้นไป.

แต่นั้นล่วงไป ๒-๓ วัน สหายผู้ทำงานทางนํ้าบอกแก่จูฬันเตวาสิกนั้นว่า เรือใหญ่มาจอดที่ท่าแล้ว. จูฬันเตวาสิกนั้นคิดว่า มีอุบายนี้. จึงเอาเงิน ๘ กหาปณะไปเช่ารถ ซึ่งเพียบพร้อมด้วยบริวารทั้งปวง แล้วไปยังท่าเรือด้วยยศใหญ่ ให้แหวนวงหนึ่งเป็นมัดจำแก่นายเรือ ให้วงม่าน นั่งอยู่ในที่ไม่ไกล สั่งคนไว้ว่า เมื่อพ่อค้าภายนอกมา พวกท่านจงบอก โดยการบอกประวิงไว้สามครั้ง. พ่อค้าประมาณร้อยคนจากเมืองพาราณสีได้ฟังว่า เรือมาแล้ว จึงมาโดยกล่าวว่า พวกเราจะซื้อเอาสินค้า. นายเรือกล่าวว่า พวกท่านจักไม่ได้สินค้า พ่อค้าใหญ่ในที่ชื่อโน้น ให้มัดจำไว้แล้ว พ่อค้าเหล่านั้นได้ฟังดังนั้น จึงมายังสำนักของจูฬันเตวาสิกนั้น. คนผู้รับใช้ใกล้ชิด จึงบอกความที่พวกพ่อค้าเหล่านั้นมา โดยการบอกประวิงไว้สามครั้ง ตามสัญญาเดิม. พ่อค้าประมาณ ๑๐๐ คนนั้น ให้ทรัพย์คนละพัน เป็นผู้มีหุ้นส่วนเรือกับจูฬันเตวาสิกนั้น แล้วให้อีกคนละพันให้ปล่อยหุ้น ได้กระทำสินค้าให้เป็นของตน จูฬันเตวาสิกถือเอาทรัพย์สองแสน กลับมาเมืองพาราณสี คิดว่า เราควรเป็นคนกตัญญู จึงให้ถือเอาทรัพย์แสนหนึ่งไปยังที่ใกล้จุลลกเศรษฐี.

ลำดับนั้น จุลลกเศรษฐีจึงถามจูฬันเตวาสิกนั้นว่า ดูก่อนพ่อ เธอทำอะไรจึงได้ทรัพย์นี้.
จูฬันเตวาสิกนั้นกล่าวว่า ข้าพเจ้าตั้งอยู่ในอุบายที่ท่านบอก จึงได้ทรัพย์ภายใน ๔ เดือนเท่านั้น แล้วบอกเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่หนูตายเป็นต้นไป.
ท่าน จุลลกมหาเศรษฐีได้ฟังคำของจูฬันเตวาสิกนั้น แล้วคิดว่า บัดนี้ เรากระทำทารกเห็นปานนี้ให้เป็นของเรา จึงจะควร จึงให้ธิดาของตนผู้เจริญวัยแล้ว กระทำให้เป็นเจ้าของทรัพย์ทั้งสิ้น.

เมื่อท่านเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว จูฬันเตวาสิกนั้นก็ได้ตำแหน่งเศรษฐี ในนครนั้น. ฝ่ายพระโพธิสัตว์ก็ได้ไปตามยถากรรม.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้นตรัสพระธรรมเทศนานี้ ทรงเป็นผู้ตรัสรู้พร้อมยิ่งทีเดียว ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า

บุคคลผู้มีปัญญารู้จักใคร่ครวญ ย่อมตั้งตนได้ด้วยทรัพย์อันเป็นต้นทุน แม้มีประมาณน้อย เหมือนคนก่อไฟกองน้อย ให้เป็นกองใหญ่ ฉะนั้น.
บรรดา บทเหล่านั้น บทว่า อปฺปเกนปิ แปลว่า แม้น้อย คือแม้นิดหน่อย. บทว่า เมธาวี แปลว่า ผู้มีปัญญา. บทว่า ปาภเฏน ได้แก่ ด้วยต้นทุนของสินค้า. บทว่า วิจกฺขโณ ได้แก่ ผู้ฉลาดในโวหาร.
บทว่า สมุฏฺฐาเปติ อตฺตานํ ความว่า ยังทรัพย์และยศใหญ่ให้เกิดขึ้น แล้วตั้งตน คือยังตนให้ตั้งอยู่ในทรัพย์และยศนั้น.
ถามว่า เหมือนอะไร?
ตอบว่า เหมือนคนก่อไฟกองน้อยให้เป็นกองใหญ

อธิบาย ว่า บุรุษผู้เป็นบัณฑิต ใส่โคมัยและจุรณเป็นต้น แล้วเป่าด้วยลมปาก ก่อไฟนิดหน่อยขึ้น คือให้เพิ่มขึ้น ได้แก่ทำให้เป็นกองไฟใหญ่โดยลำดับฉันใด บัณฑิตก็ฉันนั้นเหมือนกัน ได้ทรัพย์อันเป็นต้นทุนแม้น้อย แล้วประกอบอุบายต่างๆ ย่อมทำทรัพย์และยศให้เกิดขึ้น คือให้เพิ่มขึ้น ก็แหละครั้นให้เพิ่มขึ้นแล้ว ก็ดำรงตนไว้ในทรัพย์และยศนั้น ก็หรือว่า ย่อมตั้งตนไว้คือกระทำให้รู้กัน คือให้ปรากฏ เพราะความเป็นใหญ่ในทรัพย์และยศนั้นนั่นแหละ.
พระ ผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้อย่างนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จุลลปันถกอาศัยเราแล้ว ถึงความเป็นใหญ่ในธรรม ในเพราะธรรมทั้งหลาย ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็อาศัยเรา จึงถึงความเป็นใหญ่ในโภคะ แม้เพราะโภคะทั้งหลาย แล้วตรัสเรื่อง ๒ เรื่อง สืบอนุสนธิกัน
แล้วทรงประชุมชาดกว่า
จูฬันเตวาสิกในกาลนั้น ได้เป็น พระจุลลปันถก ในบัดนี้
ส่วนจุลลกมหาเศรษฐีในกาลนั้น ได้เป็น เราผู้ตถาคต แล.

ตัดตอนบางส่วนจากอรรถกถาจุลลกเศรษฐีชาดกที่ ๔ที่มา: http://www.84000.org

160 ชื่อ ที่สามารถสะกดได้ทั้งไทยและอังกฤษ

โดยข้อมูลนี้เป็นการรวบรวมของคุณ Almond Hambert Jr จากบอร์ดพันทิป ไว้ดังนี้

A

Anika (อณิกา, อนิกา, อัณณิกา)
ละติน, ฮิบรู แปลว่า ความดีงาม ความชอบ
สันสกฤต แปลว่า นิ่มนวล
สแกนดิเนเวียน แปลว่า งดงาม สง่างาม

Ashley (อัจฉรีย์)
อังกฤษ แปลว่า ทุ่งต้นมะกอก ป่าต้นมะกอก

Adelard (อดิรัตน์)
ฝรั่งเศส, เยอรมัน แปลว่า ผู้สูงศักดิ์และกล้าหาญ

Alinda (อลินดา, อรินดา)
เยอรมัน แปลว่า เกราะ โล่ห์ของคนชั้นสูง
สเลวิค แปลว่า กระจ่าง สวย
อังกฤษ แปลว่า สวย

Alemana, Aremana (อารีมานะ)
ฝรั่งเศส แปลว่า ผู้ชายที่มีอำนาจมาก
ฮาวายเอี้ยน แปลว่า นักรบ

Arman, Armand (อามันต์, อมันต์)
เยอรมัน แปลว่า ชายที่มีรูปร่างแข็งแกร่ง
เปอร์เซียน แปลว่า ปณิธาน อุดมคติ
ฝรั่งเศส แปลว่า ผู้ชายในกองทัพทหาร

Aileen (ไอริน)
อเมริกัน แปลว่า แสงสว่าง

Alia, Aliyah (อลิยา, อารียา)
อาหรับ แปลว่า สูงค่า, คนชั้นสูง

Alisha (อลิชา)
เยอรมัน, ฝรั่งเศส แปลว่า มีคุณค่า, ชนชั้นสูง
อินเดีย แปลว่า ปกป้องโดยพระเจ้า

Aliz, Alice (อลิส)
เยอรมัน, ฝรั่งเศส แปลว่า มีคุณค่า, ชนชั้นสูง

Alisa, Alyssa, Aliza (อลิสา, อลิสสา)
Aliza ฮิบรู แปลว่า ความรื่นเริง
Alyssa เยอรมัน, ฝรั่งเศส แปลว่า มีคุณค่า, ชนชั้นสูง
Alyssa กรีก แปลว่า มีเหตุผล
Alisa ยูเครน, ฝรั่งเศส, อเมริกัน แปลว่า มีคุณค่า

Arlan, Alan (อารัญ, อารัณย์)
Arlan อเมริกัน, ไอริช แปลว่า คำสาบาน คำสัญญา
Alan อเมริกัน แปลว่า หล่อ

Arnon (อานนท์)
ตามคัมภีร์ไบเบิ้ล แปลว่า ความรื่นเริง, แสงอาทิตย์
ภาษาฮิบรู แปลว่า สายน้ำที่ไหลแรง

Ashira (อชิรา, อชิระ)
ฮิบรู แปลได้สองความหมายว่า ความมั่งคั่ง หรือ กำลังจะร้องเพลง

Amara (อมรา)
ละติน, อเมริกัน แปลว่า ผู้เป็นที่รัก
เยอรมัน แปลว่า ชั่วนิรันดร์
กรีก แปลว่า ไม่เสื่อมคลาย ไม่เลือนหาย
สแปนิช แปลว่า ยั่งยืน ไม่สิ้นสุด

Asha (อาชา)
สันสกฤต แปลว่า ความหวัง ขอพร

Akira (อคิราห์)
ญี่ปุ่น แปลว่า แสงสว่าง

Annmarie (อัญญ์มาลี)
อังกฤษ แปลว่า มีมารยาทและเป็นที่รัก

Anona (อโณณา)
ละติน แปลว่า สับปะรด เทพธิดาแห่งการเก็บเกี่ยวผลผลิต
อังกฤษ แปลว่า ชื่นชอบ งดงาม

Anya (อัญญา, อัณยา)
รัสเซียน แปลว่า ความชื่นชอบ ความดีงาม
สันสกฤต แปลว่า ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

B

Bourne (บอน)
อังกฤษ แปลว่า ลำธารสายเล็ก

Boone (บุญ, บูรณ์)
ฝรั่งเศส แปลว่า ดี
อังกฤษ แปลว่า ให้พร

Beau, Bo (โบ)
Beau ฝรั่งเศส, อเมริกัน แปลว่า ดูดี น่ามอง
Bo เดนิช, อเมริกัน, สวีดิช แปลว่า มีอำนาจ
Bo ฮิบรู แปลว่า รวดเร็ว

Benjamin (เบญจมินทร์)
คัมภีร์ไบเบิ้ล, อเมริกัน แปลว่า บุตรชายแห่งมือขวาของข้าพเจ้า(พระเจ้า)

Bonita (โบนิตา)
สแปนิช แปลว่า สวย น่ารัก

C

Candice, Candide (กัลย์ดิษฐ์, กัณณ์ดิษฐ์)
กรีก, อเมริกัน แปลว่า พร่างพราว แวววับ
ละติน แปลว่า กระจ่าง ชัดเจน
ฝรั่งเศส แปลว่า ขาวแจ่มจ้า เจิดจรัส

Crystalyn, Kristalyn (กฤตรินทร์, กฤตลิน)
กรีก แปลว่า น้ำแข็ง
อังกฤษ แปลว่า คริสตัล

Caitlin, Caitlyn (เกศริน)
ไอริช, อเมริกัน, ฝรั่งเศส, กรีก, ละติน แปลว่า บริสุทธิ์

Chana (ชนา)
อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า นิ่มนวล สง่า

Chanda (จันดา, ชันดา)
สันสกฤต แปลว่า รุนแรง
ฮินดิ แปลว่า ดวงจันทร์ที่กำลังส่องสว่าง

Chandra (จันทรา)
อินเดียน แปลว่า พระจันทร์
ฮินดิ แปลว่า ดวงจันทร์ที่กำลังส่องสว่าง

Charissa (ชาลิสา, ชาลิสสา)
กรีก, อเมริกัน แปลว่า ความงาม ความรัก

Charles (ชาญ, ฌาน)
ฝรั่งเศส, อเมริกัน แปลว่า ที่เป็นลูกผู้ชาย

Chaya (ชายา, ชยา)
อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ชีวิต

Chet (เชษฐ์)
อเมริกัน, อังกฤษ แปลว่า ที่มั่น ที่พัก

Chris, Cris (กฤต, กฤษณ์, กริช)
กรีก, อเมริกัน แปลว่า ผู้รับสารจากพระเยซู

D

Dorothy (ดลธี, ดลลธี)
กรีก, ละติน, ฝรั่งเศส, อเมริกัน, อังกฤษ แปลว่า ของขวัญของพระเจ้า

Dan (แดน)
คัมภีร์ไบเบิ้ล, อเมริกัน, ฮิบรู หมายถึง การตัดสิน การพิจารณาของพระเจ้า

Danica, Danika (ดานิกา)
สเลวิค, อเมริกัน แปลว่า ดวงดาวในตอนเช้า, ดาวศุกร์

Darin (ดาริน)
กรีก แปลว่า ของขวัญ
อังกฤษ, อเมริกัน แปลว่า ดี เยี่ยม

Darla (ดาหลา)
อังกฤษ, อเมริกัน แปลว่า ที่รัก

Darwin (ดาวิน)
อังกฤษ, อเมริกัน แปลว่า เพื่อนรัก

Davin (ดวิน, เทวิน)
อเมริกัน แปลว่า ฉลาด
ฝรั่งเศส, ฮิบรู แปลว่า ผู้เป็นที่รัก
สแกนดิเนเวียน แปลว่า เปล่งประกาย

Dawn (ดอน)
อเมริกัน, แองโกล-แซกซัน แปลว่า ตื่นตัว รู้สึกตัว
อังกฤษ แปลว่า รุ่งเช้า, แสงแรกของวัน

Dereck, Derek (ดิเรก)
อังกฤษ แปลว่า ผู้นำ
เยอรมัน, อเมริกัน แปลว่า ผู้ปกครองที่มีปัญญา

E

Emmalee, Emalee (เอมมาลี)
ละติน แปลว่า การแข่งขัน เอาชนะ

Emmaline (เอมมาลิน)
อังกฤษ แปลว่า ทั้งหมด
เยอรมัน แปลว่า บ้านที่สงบสุข หรือ มีความอุตสาหะ
ฝรั่งเศส แปลว่า มีความอุตสาหะ

Emmit, Emmitt (เอมมิตร)
อังกฤษ แปลว่า ทั้งหมด ทั้งมวล
เยอรมัน แปลว่า ผู้นำที่มีความขยัน

Ezra (เอษรา, เอศรา)
ฮิบรู แปลว่า ช่วยเหลือ ผู้ช่วยเหลือ

F

Finn (ฟิน)
อเมริกัน แปลว่า บลอนด์

G

Gavin, Gavyn (กวินทร์)
เวลส์, สก็อตติช, อเมริกัน แปลว่า เหยี่ยวขาว

Gene (จีน)
กรีก, อเมริกัน แปลว่า ผู้ที่กำเนิดในตระกูลที่ดี

Gina (จินา)
กรีก, อเมริกัน แปลว่า ผู้ที่กำเนิดในตระกูลที่ดี

Guy (กาย)
อเมริกัน แปลว่า นักรบ
ละติน แปลว่า ชีวิต
ฮิบรู แปลว่า หุบเขา
ฝรั่งเศส แปลว่า ผู้นำ
เยอรมัน แปลว่า ป่า, นักรบ
เวลส์ แปลว่า มั่งคั่ง ร่ำรวย

H

Harlan (หรัญญ์, หรัณย์)
อังกฤษ, อเมริกัน แปลว่า ดินแดนของทหาร

I

Isaline (อิสรินทร์)
ฝรั่งเศส, ฮิบรู แปลว่า สัญญาว่าจะอุทิศตัวเพื่อพระเจ้า

Ila (ไอรา, อิรา)
ฝรั่งเศส, อเมริกัน แปลว่า มาจากบนเกาะ

Ira (ไอรา, อิรา)
ฮิบรู แปลว่า เฝ้าระวัง
กรีก แปลว่า นักรบ, ช่วงเวลา
สันสกฤต แปลว่า พระพาย (เจ้าแห่งลม)
โพลินิเซียน แปลว่า เทพธิดาแห่งท้องฟ้า
ฮินดิ แปลว่า โลก ผู้ดูแลโลก

J

Janine, Jannine, Jannyne (จันทร์นิล, จันท์นินทร์)
ฝรั่งเศส, อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ความสง่างามของพระเจ้า

Jenine, Jennine (เจนนินทร์)
ฝรั่งเศส, อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ความสง่างามของพระเจ้า

Jecelyn (เจษลิน)
ละติน, อังกฤษ แปลว่า รื่นเริง สนุกสนาน
เยอรมัน แปลว่า ชื่อสมาชิกดั้งเดิมของชนเผ่าเยอรมานิคสมัยก่อน
ฮิบรู แปลว่า ผู้ซึ่งเข้ามาแทน

Jacky (จักรี)
อังกฤษ, อเมริกัน แปลว่า ความสง่างามของพระเจ้า

Jai, Jye (ใจ)
อังกฤษ แปลว่า นกเจย์เบิร์ด
อินเดียน, สันสกฤต แปลว่า ชัยชนะ ผู้ชนะ

Jennalee (เจนนรี, เจนอารี)
เวลส์ แปลว่า กระจ่าง นวล
อราบิค แปลว่า สรวงสวรรค์

Jace, Jade, Jed (เจษฏ์, เจตน์)
Jace กรีก, อเมริกัน แปลว่า การรักษา ผู้รักษา หมอ
Jade สแปนิช อเมริกัน แปลว่า เพชรพลอย
Jade อังกฤษ แปลว่า อัญมณีสีเขียว
Jed ฮิบรู, อเมริกัน แปลว่า เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้า

Janette, Jeannette (เจนเนตร)
อเมริกัน, อังกฤษ, ฮิบรู แปลว่า ของขวัญจากพระเจ้า

Jarad (จรัส) (อ่านออกเสียงภาษาอังกฤษว่า จา-เร็ด, ฮิบรู อ่าน จาร์-อัด)
อเมริกัน แปลว่า ใจกว้าง โอบอ้อมอารี
ฮิบรู แปลว่า ผู้สืบสกุล

John (จอน)
ฮิบรู แปลว่า ความสง่างามของพระผู้เป็นเจ้า

K

Kaelyn (เก-ลิน)
อเมริกัน, อังกฤษ, ไอริช แปลว่า บริสุทธิ์ ความงามที่บริสุทธิ์

Kai (ไกร, ไก่) (อ่านออกเสียงว่า คาย)
สก็อตติช, อเมริกัน แปลว่า ไฟ
ฮาวายเอียน แปลว่า ท้องทะเล มหาสมุทร

Katharine, Kathleen, Katlynn (คัทลิน)
กรีก, อเมริกัน แปลว่า บริสุทธิ์

Kati (กะทิ)
อเมริกัน, ฮังกาเรียน แปลว่า บริสุทธิ์

Ken (เคน)
เวลส์, อเมริกัน แปลว่า น้ำสะอาด น้ำใส
ไอริช แปลว่า หล่อ
ญี่ปุ่น แปลว่า กำปั้น, แข็งแรง

Kit, Kris (กิต, กริช, กฤษณ์)
กรีก, สแกนดิเนเวียน, อังกฤษ, อเมริกัน แปลว่า ผู้รับสารจากพระเจ้า

Krista (กฤตา, กฤษตา)
ละติน, เยอรมัน แปลว่า ผู้นับถือ ผู้ติดตามของศาสนาคริสต์

Kristin (กฤติน)
กรีก, อังกฤษ, อเมริกัน แปลว่า ผู้นับถือ ผู้ติดตามของศาสนาคริสต์

L

Laila (ไลลา)
อราบิค, เปอร์เซียน แปลว่า เกิดตอนกลางคืน
เดนิช, ฟินนิช, อเมริกัน แปลว่า กลางคืน
ฮิบรู แปลว่า พลบค่ำ

Larisa, Larissa (ลลิสา, ลลิสสา)
กรีก แปลว่า ป้อมปราการ
รัสเซียน, อเมริกัน แปลว่า ปกป้อง คุ้มครอง
ละติน แปลว่า สดชื่น เบิกบานใจ

Latisha (ลาทิชา, รติชา)
ฝรั่งเศส, ละติน, อเมริกัน, อังกฤษ แปลว่า ความปิติ ความสุข

Lina (ลินา)
กรีก, สวีดิช แปลว่า สว่าง
ดัชท์ แปลว่า บริสุทธิ์
อเมริกัน แปลว่า อ่อนโยน
อราบิค แปลว่า ละเอียดอ่อน

Lyn, Lynn (ลิน, หลิน)
สแปนิช, อังกฤษ แปลว่า น่ารัก
เวลส์ แปลว่า ผู้นำกลุ่ม ผู้นำฝูง

M

Malika (มลิกา, มัลลิกา)
อราบิค แปลว่า ราชินี
อินเดียน แปลว่า ดอกไม้
แอฟริกัน แปลว่า เทพธิดา

Maalika (มาลิกา, มลิกา, มัลลิกา)
อินเดีย แปลว่า พวงมาลัย, พวงดอกไม้
สันสกฤต แปลว่า ดอกมะลิ

Marion (มาลียงค์)
ฝรั่งเศส แปลว่า ที่รัก

Mark (มรรค)
คัมภีร์ไบเบิ้ล แปลว่า สุภาพ ส่องสว่าง
ละติน, ฮังกาเรียน แปลว่า สงคราม ดาวอังคาร

Marka (มรรคา)
อังกฤษ แปลว่า ผู้ชาย
เปอร์เซียน แปลว่า ลูกเจี๊ยบ
แอฟริกัน แปลว่า ผู้ที่มาจากแอฟริกันตะวันตก

Malinda (มลินดา)
กรีก, อเมริกัน แปลว่า อ่อนโยน อ่อนหวาน

Marin (มาริน)
ละติน แปลว่า เกี่ยวกับทะเล
ฝรั่งเศส แปลว่า ลูกเรือ

Marisa (มาริสา)
ละติน, อังกฤษ แปลว่า เกี่ยวกับทะเล
ฮิบรู แปลว่า รุนแรง
สันสกฤต แปลว่า ผู้ไม่มีเคยมีความทุกข์
ญี่ปุ่น แปลว่า ประมาณ ความสดใส ร่าเริง

Marla (มาลา)
กรีก แปลว่า ตึกสูง
ละติน, ฮิบรู แปลว่า ดวงดาวแห่งทะเล

Marni (มานี)
อเมริกัน, อิสราเอลลิ แปลว่า รื่นเริง ยินดี

Mina (มีนา)
เยอรมัน, อเมริกัน แปลว่า รัก
ไอริช แปลว่า นุ่มนวล

Mitch (มิตร)
อเมริกัน, อังกฤษ, ไอริช, ฮิบรู แปลว่า ผู้ที่ละม้ายคล้ายพระเจ้า

Maralyn (มาลาริน)
อังกฤษ แปลว่า ดวงดาวแห่งท้องทะเล

Marilyn (มาลีรินทร์)
อังกฤษ แปลว่า ดวงดาวแห่งท้องทะเล
ฮิบรู แปลว่า อวยพรให้เด็ก หรือ รสขม รุนแรง

Marcita (มาศิตา)
ละติน แปลว่า อุทิศตนให้เทพเจ้าแห่งสงคราม
อิตาเลียน แปลว่า ทุ่งหญ้าที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ

Marjory (มาจจรีย์, มัทจรีย์)
กรีก, อังกฤษ แปลว่า ไข่มุก

Mira (มิรา)
กรีก แปลว่า อุดมสมบูรณ์
ละติน แปลว่า ยอดเยี่ยม วิเศษ
สเลวิค แปลว่า สงบสุข
สแปนิช แปลว่า มองดู
สันสกฤต แปลว่า ทะเล มหาสมุทร
อินเดียน แปลว่า เจ้าหญิงองค์หนึ่งในตำนานปรัมปรา

N

Nathan (ณัฐธัญ)
อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ผู้ให้ พระเจ้าประทานของขวัญให้

Natasha (ณัฐชา)
รัสเซียน, อเมริกัน แปลว่า เกิดในวันคริสต์มาส
มุสลิม แปลว่า ของขวัญของอัลเลาะฮ์

Nannette (นันทร์เนตร)
ฝรั่งเศส, ฮิบรู แปลว่า ความกรุณา

Ninette (นิลเนตร, นัยน์เนตร)
ฝรั่งเศส, ฮิบรู แปลว่า ความกรุณา

Neville, Nevill, Nevil (เนวิน)
ฝรั่งเศส แปลว่า เมืองใหม่

Nisrine (นิจรินทร์, นิสรินทร์, ณิจจ์รินทร์, ณิสรินทร์)
อราบิค, เปอร์เซียน แปลว่า ดอกไม้ป่า กุหลาบป่า

Nana (นานา)
อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ความดีงาม

Nedra, Neta (เนตรา)
Nedra อเมริกัน, อังกฤษ แปลว่าผู้ปกป้อง ผู้คุ้มครอง ผู้พิทักษ์ความมั่งคั่ง
Neta อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ความดี ความสง่างาม

Nora (โนราห์)
กรีก, ฮิบรู แปลว่า สว่าง
ละติน แปลว่า เกียรติยศ

O

Oran (โอฬาร)
เซลติค, อเมริกัน แปลว่า สีขาว

P

Pascal (พัสกาญ, พัดกาล, ภัทร์กาญจน์)
ละติน, ฝรั่งเศส แปลว่า เกิดวันอีสเตอร์ หรือเกี่ยวกับวันอีสเตอร์
ฮิบรู แปลว่า เกิดวันปัสกา (วัน Passover)

Parish (ภาริต, ภาริช)
ฝรั่งเศส แปลว่า สถานที่ที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์
อังกฤษ แปลว่า มาจากปารีส

Pat (พัด, ภัทร)
อเมริกัน, ชนพื้นเมืองอเมริกัน แปลว่า ปลา
ละติน แปลว่า ผู้ดี ชั้นสูง

Petra (เภตรา, เพตรา)
กรีก, โปลิช, ละติน, สวีดิช, อเมริกัน แปลว่า ก้อนหิน

R

Russ (รัฐ)
ละติน, อเมริกัน, อังกฤษ แปลว่า สีแดง ผมแดง
ฝรั่งเศส แปลว่า ที่มีสีแดง ผิวอมแดง ผมแดง
แองโกล-แซกซัน แปลว่า สุนัขจิ้งจอก

Rosenah, Rosina (รสสินา)
ละติน, อเมริกัน, อังกฤษ แปลว่า ดอกกุหลาบ

Ruth (รุธ)
อังกฤษ แปลว่า ความเห็นใจ
ฮิบรู แปลว่า เพื่อน

Richard (ฤทธิ์ชาติ)
เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, อเมริกัน แปลว่า ผู้ปกครองที่มีอำนาจ ความกล้าหาญ

Ralph (ลาภ)
อเมริกัน แปลว่า แข็งแรง

Rachad (รฉัตร, ลฉัตร)
อราบิค, อเมริกัน แปลว่า นักคิด, ผู้ให้คำปรึกษา

Rashida (รชิดา)
อเมริกัน, อียิปต์เตียน แปลว่า ความชอบธรรม

Renita (เรนิตา)
ละติน แปลว่า เกิดใหม่
อเมริกัน แปลว่า สง่างาม

Rich (ฤทธิ์, ริท)
เยอรมัน แปลว่า ผู้ปกครองที่มีอำนาจ
อเมริกัน, อังกฤษ แปลว่า ร่ำรวย

Rome (โฬม)
คัมภีร์ไบเบิ้ล, อเมริกัน แปลว่า พลัง ความแข็งแกร่ง

Rosaline, Rosalyn, Roselyn (รสลิน, โรสลิน)
ละติน, อเมริกัน แปลว่า ดอกกุหลาบ

Rosemary (รสมาลี)
ละติน, อเมริกัน แปลว่า หยดน้ำในทะเล

Rudy (ฤดี)
เยอรมัน, อเมริกัน แปลว่า สุนัขป่า

S

Sharisa (ชาริสา)
ฝรั่งเศส แปลว่า เชอร์รี่

Sophie (โสภี)
กรีก, ฝรั่งเศส, อังกฤษ แปลว่า สติปัญญา

Salina, Sarina (สลิณา, สรินา)
Salina กรีก, อเมริกัน, อังกฤษ แปลว่า ดวงจันทร์ เทพธิดาแห่งดวงจันทร์
Salina ละติน แปลว่า เกลือ
Sarina อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า เจ้าหญิง ความสงบ

Samantha (สมันตา, สมันตรา)
อรามาอิค, อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ผู้ฟัง

Sandy (แสนดี)
กรีก, อเมริกัน, อังกฤษ แปลว่า ผู้พิทักษ์ ผู้ปกป้องมนุษยชาติ

Sara, Sarah (สาระ, ศรา)
อราบิค, เปอร์เซียน, อเมริกัน แปลว่า บริสุทธิ์ ยอดเยี่ยม
อินเดียน แปลว่า จิตวิญญาณ
คัมภีร์ไบเบิ้ล, ฮิบรู, อังกฤษ แปลว่า เจ้าหญิง

Sean, Shaun, Shawn (ชอน, ฌอน)
อังกฤษ, ไอริช แปลว่า ความงามสง่าของพระผู้เป็นเจ้า ของขวัญจากพระเจ้า

Sena (เสนา)
กรีก แปลว่า ดวงจันทร์
ละติน, อเมริกัน แปลว่า ศักดิ์สิทธิ์

Seth (เศรษฐ์)
คัมภีร์ไบเบิ้ล, อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ได้รับการแต่งตั้ง

Shane (เชน)
อังกฤษ, ไอริช, ฮิบรู แปลว่า ของขวัญจากพระเจ้า

Sid (สิทธิ์, ศิท)
ภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า ทุ่งหญ้ากว้าง
ฝรั่งเศส, อังกฤษ, อเมริกัน แปลว่า จาก(โบสถ์)เซนต์เดนิส

Sydnee, Sydney (ศิษณี, ศิศนี)
กรีก, อเมริกัน แปลว่า จาก(เมือง)ไซดอน
ฝรั่งเศส, อเมริกัน, อังกฤษ แปลว่า จาก(โบสถ์)เซนต์เดนิส

T

Travis (ธาวิศ, ธาวิต)
ฝรั่งเศส, อังกฤษ, อเมริกัน แปลว่า ก้าวข้ามทางแยก

Tevis (เตวิช, เตวิศ)
สก็อตติช, อังกฤษ, อรามาอิค แปลว่า แฝด

Topaz (ทอปัด)
ละติน, อังกฤษ แปลว่า อัญมณีสีเหลืองทอง อัญมณีสำหรับผู้เกิดเดือนพฤศจิกายน
สันสกฤต แปลว่า ไฟ

Trinity (ตฤณนิธิ, ธินิติ, ไตรนิธิ)
ละติน แปลว่า สาม ที่ประกอบไปด้วยสาม ความเป็นสาม
อังกฤษ แปลว่า ความเป็นสาม เป็นสามเท่า

Tanisha, Tanesha (ธนิชา)
อังกฤษ แปลว่า ผู้ที่สมควรได้รับการยกย่อง
แอฟริกัน, จาไมกัน แปลว่า เกิดวันจันทร์

Tanya (ธัญญา)
รัสเซียน แปลว่า เทพธิดา เจ้าหญิง
สันสกฤต แปลว่า ลูกสาว

Tara (ธารา)
สันสกฤต แปลว่า ดวงดาว
โพลินีเซียน แปลว่า เทพธิดาแห่งสายน้ำ

Taryn (ธาริน)
อังกฤษ แปลว่า หิน
อเมริกัน แปลว่า เทือกเขาร็อคกี้
เวลส์, เซลติค แปลว่า ฟ้าร้อง
สก็อตติช แปลว่า อ่อนเยาว์ ไร้เดียงสา

Tasha (ธชา, ทัชชา)
รัสเซียน แปลว่า เกิดในวันคริสต์มาส

Tevin (เทวิน)
อเมริกัน, อังกฤษ, แอฟริกัน แปลว่า หล่อ สวย
สก็อตติช แปลว่า คู่ แฝด

Theda (ธิดา)
ภาษาเยอรมัน แปลว่า ประชาชน
ละติน, กรีก, รัสเซียน, อเมริกัน แปลว่า ของขวัญของพระเจ้า

Tisha (ทิชา, ธิชา)
ละติน, อเมริกัน, อังกฤษ แปลว่า ความปิติ ความยินดี

V

Valerie (วราลี, วัลล์ลลี)
ละติน, ฝรั่งเศส, อเมริกัน, อังกฤษ แปลว่า แข็งแรง แข็งแกร่ง

Vianna (วิอัณณา)
ละติน แปลว่า มีชีวิตชีวา
อังกฤษ แปลว่า สีม่วง ดอกไวโอเล็ต

Veda (วีดา)
สันสกฤต แปลว่า ความเข้าใจ

Venita (เวนิตา, วินิตา)
ละติน แปลว่า ความสวยงาม ความดีใจ
อเมริกัน แปลว่า เทพธิดาแห่งความรักและความสวยงาม เทพวีนัส
อิตาเลียน แปลว่า ความเมตตา

Vera (วีรา)
รัสเซียน แปลว่า ความเชื่อ
ละติน แปลว่า ความจริง

Vanessa (วนิษศา, วนิศษา)
กรีก, อเมริกัน แปลว่า ผีเสื้อ

W

Whitt (วิทย์)
อังกฤษ แปลว่า สีขาว

Watt (วัฒน์)
อเมริกัน แปลว่า นักสู้ที่แข็งแรง

Wayde (เวทย์)
สแกนดิเนเวียน แปลว่า เป็นชื่อในเทพนิยายของสแกนดิเนเวียน
อังกฤษ แปลว่า เดินข้ามแม่น้ำ

Whitney (วิศนี)
อเมริกัน, อังกฤษ, แองโกล-แซกซัน แปลว่า เกาะสีขาว

Wynn (วิณณ์)
เวลส์ แปลว่า หล่อ, มีความสุข, ยุติธรรม
อังกฤษ แปลว่า เพื่อน

ข้อมูลจาก: pantip.comwegointer

เศรษฐีจีนส่งลูกชายไปชนบทเพื่อเรียนรู้ “ความยากจน

เศรษฐีชาวจีนคนหนึ่งอยากให้ลูกชายของเขาได้เรียน รู้ว่าชีวิตที่มี “ความยากจน” เป็นอย่างไร เขาเลยตัดสินใจส่งลูกชายของเขาลองไปใช้ชีวิตใน “ชนบท” ยากจนทั้งหมด 3 วัน และเมื่อวันที่ลูกชายของเขากลับบ้าน นี่คือ บทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับลูกชายของเขา

พ่อ: เป็นยังไงบ้างล่ะ?

ลูก: ก็โอเคนะครับ

พ่อ: ระหว่างบ้านของเรา กับบ้านของพวกเขามีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง?

ลูก: มันแตกต่างกันมากเลยครับ (ลูกชายตอบด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นมาก) เรามีหมา 1 ตัว พวกเขามีหมา 4 ตัว เรามีน้ำสะอาดอยู่ในสระว่ายน้ำ แต่พวกเขามีสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำอันใสแจ๋ว และมีปลาแหวกว่ายอยู่ในน้ำ เรามีโคมไฟสวยงามอยู่ในสวน แต่พวกเขามีดวงจันทร์ และดวงดาวมากมายที่ส่องแสงในยามค่ำคืน สวนของเรามีที่จำกัดด้วยกำแพง แต่สวนของพวกเขา มีที่ไม่จำกัด มันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจรดขอบฟ้า

เรา ฟังซีดีอยู่ที่บ้านของเรา แต่พวกเขามีเสียงนก เสียงสัตว์นานาชนิดที่แข่งกันขับร้องอย่างไพเราะตามธรรมชาติ บ้านเรามีรั้วรอบขอบชิด แต่พวกเขามักต้อนรับคนที่ผ่านไปผ่านมาเสมอ ประตูบ้านจึงไม่เคยปิดเลยด้วยซ้ำ ในตัวเมืองของพวกเรา คนติดต่อกันผ่านโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ แต่พวกเขา มีความใกล้ชิดกันมากกว่านั้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ลูกชายกล่าวอีกว่า:

“พ่อครับ ขอบคุณมากที่ทำให้ผมรู้ว่า จริงๆ แล้ว เรายากจนมากแค่ไหน”


หลังจากที่พ่อของเขาได้ยินเช่นนั้นก็แปลกใจมาก เพราะสิ่งที่ลูกชายของเขาได้รับ มันช่างเหนือความคาดหมายของเขาไปจริงๆ

มันมีคำพูดของ Rodolfo Costa ที่บอกว่า:

“Many people are so poor that the only thing they have is money.” หรือที่แปลว่า คนจำนวนไม่น้อยที่ยากจนมาก เพราะอย่างเดียวที่พวกเขามีก็คือเงิน ซึ่งคำพูดนี้มันสอนเราได้ว่า ชีวิตของเรา ความสุขของเรา ธรรมชาติรอบตัวเรา มันไม่ใช่สิ่งที่ “เงิน” ซื้อได้ และคำถามที่เราควรตั้งคำถามก็คือ ทำไมเราถึงชอบคิดกันว่า สิ่งที่เงินซื้อได้ มันมีค่า มีราคามากกว่า ของที่เงินซื้อไม่ได้ล่ะ?

เรื่อง นี้สอนให้เรารู้ว่า เมื่อเราเริ่มที่จะพอใจ ซาบซึ้งสิ่งที่อยู่รอบตัวเราและสิ่งที่เรามี เราจะหยุด “วิ่งไล่ตาม” เพื่อหาความร่ำรวย เพราะเรารู้แล้วว่า เรามีทุกอย่างที่เราต้องการแล้วยังไงล่ะ

และ ถ้าเรารู้สึกว่าเราเป็นคนที่ร่ำรวยแล้ว ลองถามคำถามตัวเองว่า เรามุ่งมั่นหาความมั่งคั่ง จนลืมที่จะรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง คนที่เรารัก และโลกใบนี้ไปหรือเปล่า? เรารึเปล่า ที่ทำงานหนักทุกวันนี้ เพียงแค่เรารู้สึกว่าเรา “อยากได้” อีก แค่นั้นรึเปล่า?

อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้หมายความว่า การแสวงหาความมั่งคั่งร่ำรวยคือเรื่องที่ผิด เพียงแต่การหาเงินเพียงอย่างเดียว อาจไม่ได้เป็นหนทางที่ทำให้เรามีความสุขที่แท้จริง เติมเต็มชีวิตเราได้จริงๆ ครั้งหนึ่งเคยมีคนบอกว่า สกุลเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต คือ ความสุขที่เกิดจากการสร้างความผูกพันธ์กับมนุษย์ที่อยู่ร่วมโลกกับคุณ เพราะหากเราไม่มีสิ่งนั้นเลย ไม่ว่าเราจะหาเงินได้มากแค่ไหน เราก็คงหาความสุขที่แท้จริงไม่ได้

ลูกชายกำพร้าแม่

มันก็แค่เรื่องๆหนึ่ง….ที่อ่านแล้วทำให้รู้สึก…

ภรรยาของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุมา
4 ปีแล้ว เขารู้สึกเคว้างคว้าง ไม่รู้จะทำหน้าที่ของพ่อและแม่ให้ลูกชาย
ได้อย่างไร?

ค่ำวันเสาร์ หลังจากที่เขากลับมาจากทำงาน เขาทักทายลูกไม่กี่คำ ก็เข้าห้องอยากนอนด้วยความเพลีย
หลังจากถอดสูทออกแล้ว ก็ล้มตัวลงไปนอนบนเตียง
“เพล้ง” เสียงเหมือนชามอะไรแตกสักอย่าง
เมื่อเขาเปิดผ้าห่มดู ชามบะหมี่กับจานแตกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งน้ำและเส้นหกเลอะผ้าห่มและที่นอน
เขาหยิบไม้แขวนเสื้อเดินออกไปหิ้วแขน
ลูกชายที่กำลังเล่นของเล่น จากนั้นก็ตีไปที่ก้นของลูกด้วยความโมโห
ลูกชายร้องไห้ด้วยความเจ็บ เขาถามลูกออกไปด้วยความโมโห
“ทำไมเอาบะหมี่ไปกินบนเตียงพ่อ?”
ลูกชายร้องไห้สะอึกสะอื้นบอกกับเขาว่า
“ข้าวที่พ่อหุงไว้เมื่อเช้าผมกินหมดแล้ว ตอนเย็นนี้ผมหิวข้าว แต่พ่อยังไม่กลับมา ผมก็เลยหามาม่าจากในครัว แต่พ่อบอกผมว่าไม่ให้ยุ่งกับแก๊ส ผมก็เลยเอาน้ำอุ่นจากตู้น้ำดื่มมาชงมาม่า ผมกินไปชามหนึ่งแล้ว
อีกชามหนึ่งผมชงให้พ่อ แต่ผมกลัวว่ามันจะเย็นไปซะก่อนที่พ่อ
จะกลับมา ผมก็เลยเอาผ้าห่มคลุมไว้
ตอนที่พ่อกลับมาผมมัวแต่เล่น จึงลืมบอกพ่อ ผมขอโทษครับพ่อ!”
เขาปล่อยมือลูกและรีบหันหน้าหนี เดินไปที่ห้องน้ำ เมื่ออยู่ในห้องน้ำ เขาก็เปิดน้ำเสียงดังเพื่อกลบเสียงร้องไห้โฮ
ของเขา เขานั่งอยู่ในห้องน้ำครู่ใหญ่ เมื่อออกมาจากห้องน้ำ เขาเดินไปที่ห้องของลูกชาย เห็นลูกชายนอนหลับอยู่บนเตียงพร้อมกับ
กอดรูปของแม่อยู่ในอ้อมกอด ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

จากเหตุการณ์ในวันนั้น เขาสัญญากับตัวเองว่าจะดูแลลูกให้ดีกว่านี้ แต่เมื่อลูกชายเข้าเรียนชั้นประถมได้ไม่นาน เขาก็ตีลูกชายอีกครั้ง

ช่วงก่อนวันแม่ไม่กี่วัน วันนั้นคุณครูประจำห้อง ก็โทรศัพท์มาบอกเขาว่าลูกชายไม่ได้มาเรียน และวันนี้ก็มีการแสดงของเด็กนักเรียนด้วย
เขารีบลางานเพื่อไปตามหาลูกชาย เขาเดินตามหาลูกชายแถวบริเวณ
หน้าโรงเรียนแต่ก็ไม่เจอ
เมื่อเดินไปที่สวนสาธารณะ ก็เห็นลูกชายกำลังยืนอยู่หน้าเครื่องเล่น
สไลเดอร์ เขาโมโหลูกชายมาก จึงตีลูกชายอีกครั้ง ครั้งนี้ลูกชายไม่ได้แก้ตัวอะไรใดๆ เอาแต่กล่าวคำขอโทษเขาเท่านั้นเอง

หลังจากนั้นหนึ่งปี เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากบุรุษไปรษณีย์ ว่าลูกชายของเขานำจดหมายปึกใหญ่
ที่ไม่มีที่อยู่ใส่ไว้ที่ตู้ไปรษณีย์หน้าบ้าน และช่วงนี้ก็เป็นช่วงปีใหม่ เจ้าหน้าที่ไม่มีเวลาว่างมาสนุกกับสิ่งที่
ลูกชายเขาทำหรอก เมื่อเขาทราบดังนั้น ก็รีบบึ่งรถไปที่ไปรษณีย์เพื่อนำจดหมาย
ปึกใหญ่นั้นกลับมา

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาก็โยนจดหมายปึกนั้นให้ลูกชายดู
“ทำไมลูกทำอย่างนี้?”
ลูกชายเมื่อเห็นจดหมายก็ร้องไห้
“นี่เป็นจดหมายที่ผมเขียนส่งให้แม่”
เขาได้ฟังก็สะท้อนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงถามลูกชายออกไปว่า
“ทำไมส่งครั้งเดียวตั้งเยอะตั้งแยะ?”
“จดหมายปึกนี้ผมเขียนมาตั้งแต่แม่ตาย แต่เมื่อก่อนผมยื่นจดหมายใส่ตู้ไม่ได้ เพราะผมยังตัวเล็ก ตอนนี้ผมสูงพอที่จะหย่อนจดหมายใส่ตู้ได้ ผมก็เลยเอาจดหมายที่เขียนถึงแม่ไว้ทั้งหมด
ส่งให้แม่อ่านพร้อมๆกัน!”
เมื่อเขาได้ฟังลูกบอก น้ำตาก็คลอเบ้าตา ไม่รู้จะบอกรู้ยังไงดี เขาจึงก้มตัวลงไปกอดลูกไว้
“แม่ของลูกอยู่บนสวรรค์แล้ว วันหลังถ้าจะเขียนจดหมายถึงแม่ พ่อจะเผาให้นะ จดหมายจะได้ส่งไปบนสวรรค์ให้แม่ได้อ่าน”
ค่ำวันนั้น เมื่อส่งลูกชายเข้านอนแล้ว เขาจึงหยิบจดหมายปึกใหญ่นั้นมาอ่าน

มีจดหมายอยู่ฉบับหนึ่ง ที่ทำให้เขาสะเทือนใจมาก
“แม่ครับ ผมคิดถึงแม่
วันนี้ ที่โรงเรียนมีการแสดงของแม่ลูก ผมไม่มีแม่ เลยไม่ได้แสดงด้วย ผมไม่ได้บอกกับพ่อ กลัวว่าพ่อจะคิดถึงแม่ แต่พ่อก็ลางานมาตามหาผม ผมไม่อยากให้พ่อรู้ว่าผมเหงา ผมเลยแสร้งไปเล่นที่สวนสนุก แม้ว่าพ่อจะด่าผมตีผม แต่ผมก็ไม่ได้เล่าความจริงให้พ่อฟัง
แม่ครับ ผมเห็นพ่อนั่งกอดรูปของแม่ทุกวันเลย ผมรู้ว่าพ่อก็คิดถึงแม่เหมือนกับผม
แม่ครับ.. ผมจำไม่ได้แล้วว่าเสียงของแม่เป็นยังไง? แม่มาเข้าฝันผมหน่อยได้ไหม ? ขอให้ผมได้เห็นหน้าแม่อีกสักครั้ง ขอให้ผมได้ฟังเสียงของแม่อีกสักครั้ง
ได้ไหมครับ?
ลุงข้างบ้านบอกผมว่า หากเราคิดถึงใคร ก่อนนอนให้กอดรูปของเขาไว้ที่อก แล้วเราจะฝันถึงเขาคนนั้น
แต่แม่ครับ ผมกอดรูปแม่ไว้กับอกทุกวัน ทำไมแม่ไม่มาเข้าฝันผมเลยละครับ! ”
เมื่อเขาอ่านจบ เขาก็กลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่ให้ดังออกมา
กลัวลูกได้ยิน เขาเอาแต่ถามตัวเองว่า จะทำอย่างไรถึงจะทดแทนความรู้สึก
กำพร้าแม่ของลูกได้?
…………………..
เมื่อเราเป็นผู้สร้างลูกให้เกิดมาบนโลกนี้ เราต่างมีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตที่เกิดขึ้นมา
นั้นร่วมกัน
หากคุณเป็นแม่ อย่าได้เอาแต่ทำโอที
หากคุณเป็นพ่อคน อย่าเอาแต่เลิกงานแล้วไปสังสรรค์กับมิตรสหาย
ขอให้คุณทั้งหลายดูแลสุขภาพให้ดี คุณจึงจะมีโอกาสได้อยู่ดูแลลูก ได้เห็นการเจริญเติบโตของลูก ได้เห็นความสำเร็จของลูกไปพร้อมๆกัน
อย่าได้ทำแต่งานหาแต่เงินจนลืมดูแลสุขภาพ มีชื่อเสียงเงินทองแต่สุขภาพทรุดโทรม แล้วจะมีประโยชน์อะไร!
อย่าได้เอาแต่คิดว่า รอฉันมีเงินก่อนแล้วค่อยทำอันโน้นทำอันนี้!
เพราะไม่มีใครอาจล่วงรู้ได้ว่า นาทีต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น? วันหน้าจะมีได้อีกสักกี่ครั้ง !

Cr. นุสนธิ์บุคส์

ขอทานกับพระพุทธองค์

กาลครั้งหนึ่ง มีขอทานคนหนึ่งออกขอทานทุกวัน
เขาอยากจะมีชีวิตเหมือนคนปกติ
เพราะฉะนั้น เขาจึงมักจะขอทานเสบียงกรังและตุนไว้
แต่ว่าเขากักตุนเสบียงมาหลายปี

ยุ้งฉางของเขาก็มีเพียงข้าวสารนิดหน่อย
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นเช่นนั้น
เพราะฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจค้นหาสาเหตุ

คืนวันหนึ่ง
เขาแอบอยู่มุมหนึ่งของบ้านและจ้องไปที่เสบียง
ในที่สุด เขาเห็นหนูตัวใหญ่มาขโมยกินเสบียงของเขา
เขาโกรธมาก
ตะโกนไปที่เจ้าหนูว่า

“บ้านคนรวยมีอาหารเยอะแยะ แกทำไมไม่ไปกิน
ทำไมเจาะจงมากินอาหารข้าที่กักตุนมาด้วยความลำบาก”
ทันใดนั้น เจ้าหนูพูดขึ้นว่า
“ชะตาของเจ้ามีข้าวสารได้แค่8ส่วน เดินให้ทั่วหล้า ก็ไม่สามารถมีข้าวได้ครบถัง”

ขอทานถามเจ้าหนู
“ทำไมเป็นเช่นนั้น”

เจ้าหนูตอบว่า
“ข้าก็ไม่รู้ เจ้าไปถามพระพุทธองค์สิ

และแล้ว ขอทานจึงตัดสินใจ
จะไปทางทิศตะวันตกเพื่อถามพระพุทธองค์ให้เข้าใจ
ดูซิว่าเหตุผลอันใดถึงมีชะตาชีวิตเช่นนี้

วันที่สอง เจ้าขอทานก็ออกเดินทาง
เขาขอทานระหว่างทาง เดินทางไปไกลมาก

อยู่มาวันหนึ่ง เขาเดินจนฟ้ามืดถึงจะพบบ้านคนหลังหนึ่ง
รีบไปเคาะประตู มีพ่อบ้านเดินออกมาถามว่ามีเรื่องอะไร เขาบอกขอข้าวกินหน่อย

พอดีเศรษฐีเจ้าของบ้านออกมาเห็นเข้า
เลยถามขอทานว่า มืดอย่างนี้แล้วทำไมยังเดินทางอยู่อีก
ขอทานจึงเล่าชะตาชีวิตให้เศรษฐีฟัง
บอกว่าจะไปถามเหตุผลกับพระพุทธองค์7
เศรษฐีได้ยินดังนั้น รีบเชิญขอทานเข้าไปนั่งในบ้าน
ให้เสบียงกรังและเงินกับเขาจำนวนหนึ่ง

ขอทานถามว่าทำไมทำเช่นนั้น
เศรษฐีจึงเล่าเหตุผลให้ฟังว่า
ลูกสาวข้าอายุ16แล้ว ยังพูดไม่ได้

ขอร้องให้เจ้าช่วยถามเหตุผลกับพระพุทธองค์ด้วย
เศรษฐีเคยสาบานว่าใครก็ตามที่ทำให้ลูกสาวพูดได้
เขาก็จะให้ลูกสาวแต่งงานกับคนนั้น

ขอทานได้ฟังเช่นนั้น คิดว่าไหนๆก็จะไปหาพระพุทธองค์อยู่แล้ว
เราก็ถือโอกาสช่วยถามให้เขาก็ได้
ขอทานจึงรับปากจะถามให้
ขอทานเดินทางต่อไปผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่า
เดินถึงเขาลูกหนึ่ง เห็นวัดหนึ่งตั้งอยู่
ก็เลยเข้าไปขอน้ำดื่ม

เห็นพระแก่รูปหนึ่งถือไม้เท้าดีบุก
ท่าทางแก่มาก แต่ดูกระฉับกระเฉง
พระชราให้น้ำเขาดื่มและบอกให้เขาพักผ่อนสักครู่

แล้วถามเขาว่าจะไปไหน
ขอทานบอกจุดหมายที่จะไป
พระชรารีบจับมือขอทานไว้และพูดว่า

ขอร้องเจ้าต้องช่วยถามพระพุทธองค์ให้หน่อย
ข้าเข้าฌานฝึกฝนมา500กว่าปีแล้ว

ตามหลักควรจะขึ้นสวรรค์แล้ว ทำไมยังบินขึ้นไปไม่ได้

ขอทานก็เลยรับปากพระชรา
เดินไปข้างหน้า ผ่านหนทางทั้งห้วยหนองคลองบึง

ขอทานมาถึงริมแม่น้ำสายหนึ่ง ในแม่น้ำไม่มีเรือสักลำ
ขอทานร้อนรนใจ จะทำอย่างไรดี จะข้ามไปยังไง
ขอทานร้องไห้และพูดว่า
หรือว่าชีวิตข้าจะต้องลำบากเช่นนี้หรือ

ทันใดนั้น เต่ายักษ์แก่ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นเหนือน้ำ
เต่าแก่พูดภาษาคนได้

ถามขอทานว่ามาร้องไห้ที่นี่ทำไม ขอทานเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
เต่าแก่พูดกับเขาว่า
ข้าได้เข้าฌานปฏิบัติตนมา1000ปีแล้ว
ตามหลักน่าจะกลายเป็นมังกรบินไปแล้ว ทำไมยังเป็นแค่เต่าแก่ๆตัวหนึ่ง

ถ้าเจ้าไปพบพระพุทธองค์ ช่วยถามให้ข้าด้วย
ข้าก็จะให้เจ้าขี่ข้ามแม่น้ำไปฝั่งตรงข้าม

ขอทานรับปากด้วยความดีใจ
ขอทานเดินต่อไปจนจำไม่ได้ว่าอีกกี่วัน

แต่ยังไงก็หาพระพุทธองค์ไม่เจอ
ขอทานชักจะเซ็ง

คิดในใจว่า พระพุทธองค์อยู่ไหนนะ
แดนสุขาวดีน่าจะถึงแล้วนะ

ขอทานเสียใจมาก
ก็เลยหลับไปแบบงุนงง

พระพุทธองค์ปรากฏองค์ขึ้นแล้ว
ขอทานดีใจมาก

พระพุทธองค์ถามขอทานว่า
เจ้ามาไกลขนาดนี้ น่าจะมีคำถามอะไรที่สำคัญมากใช่ไหม

ใช่เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะถามคำถามหลายคำถาม
หวังว่าท่านจะอธิบายให้ข้าน้อยเข้าใจได้

พระพุทธองค์ตอบว่า ได้สิ แต่มีเงื่อนไขหนึ่งนะ
เจ้าถามได้สูงสุดแค่3คำถามเท่านั้น

เพราะว่าไม่เคยมีใครถามเกิน3คำถามมาก่อน
ขอทานตอบตกลง คิดในใจว่า ข้าจะถามคำถามไหนดี
ขอทานรู้สึกว่าคำถามของตนเองช่างไม่มีความสำคัญเลย
เต่าแก่เข้าฌานมา1000ปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย คำถามเขาน่าจะลองถามดู
พระชราปฏิบัติมา500ปี ก็ลำบากมาก คำถามเขาก็น่าจะถามดู

ลูกสาวเศรษฐีช่างน่าสงสารนัก พูดไม่ได้แล้วจะแต่งงานได้ยังไง
คำถามของเขาก็น่าจะถามดู

และแล้วขอทานจึงไม่ลังเลที่จะถามคำถามที่1
พระพุทธองค์ตอบเขาว่า เต่าแก่ไม่ยอมสละกระดองของมัน ก็เลยไม่สามารถกลายเป็นมังกรได้
ในกระดองของเต่ามีไข่มุกราตรีอยู่24เม็ด

ถ้ามันยอมสละกระดอง มันก็จะกลายเป็นมังกรได้
คำถามที่2 ท่านตอบว่า
พระชราถือไม้เท้าวิเศษทั้งวัน

ในใจพะวงแต่ไม้เท้าว่าเป็นของวิเศษ

ใช้ไม้เท้าเคาะบนพื้น1ที บนพื้นก็จะกลายเป็นธารน้ำใส

ถ้าหากพระชรายอมโยนไม้เท้าทิ้ง เขาก็จะขึ้นสวรรค์ได้แล้ว
ขอทานดีใจมาก จึงถามคำถามที่3

ท่านตอบว่า ถ้าเด็กสาวใบ้พบคนที่เธอรัก เธอก็จะพูดได้เอง และทันใดนั้นพระพุทธองค์ก็หายไป。
ขอทานรู้สึกว่า ปัญหาของตัวเองก็ไม่มีอะไรสำคัญ

กลับไปขอทานตามเดิมดีกว่า แล้วจึงรีบเดินทางกลับ
ขอทานกลับมาถึงริมแม่น้ำ

เต่าแก่คำนวนว่าขอทานน่าจะมาถึงแล้ว จึงรีบถามว่าพระพุทธองค์ตรัสว่ายังไง
ขอทานพูดว่า เจ้าพาข้าข้ามแม่น้ำไปก่อน ข้าจะเล่าให้ฟัง
เต่าพาขอทานข้ามแม่น้ำไป ขอทานเล่าสาเหตุให้ฟัง เต่าฟังแล้วเข้าใจทันที
จึงถอดกระดองออกยกให้ขอทานและพูดว่า ในนี้มีไข่มุกราตรี24เม็ด

เป็นของที่หาค่ามิได้ สำหรับข้าไม่มีประโยชน์แล้ว ข้าขอยกให้เจ้า

เต่าแก่จึงกลายเป็นมังกร บินหายไป
ขอทานเอาไข่มุกราตรี24เม็ด รีบเดินทางกลับ มาถึงบนเขาพบกับพระชรา

พระชรารีบถามว่าพระพุทธองค์ท่านตรัสว่าอย่างไร

ขอทานเล่าสาเหตุให้ฟัง พระชราได้ฟังดีใจมาก จึงมอบไม้เท้าวิเศษให้แก่ขอทาน
พระชราจึงขี่เมฆบินขึ้นท้องฟ้าหายไป

ขอทานมาถึงหน้าบ้านเศรษฐี

ทันใดนั้น มีหญิงสาววิ่งออกมาและตะโกนเสียงดังว่า
คนที่ไปถามพระพุทธองค์กลับมาแล้ว
เศรษฐีก็วิ่งออกมา

เขาตกใจมากที่อยู่ๆลูกสาวเขาก็พูดได้แล้ว

ขอทานถ่ายทอดคำตรัสพระพุทธองค์
เศรษฐีดีใจมาก จึงให้ลูกสาวแต่งงานกับขอทาน

ความรักที่ให้ออกไป ความรักก็จะย้อนกลับคืนมา
ความสุขที่ให้ออกไป ความสุขก็จะย้อนกลับคืนมา

คิดเผื่อคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงคุณ
นี่คือเหตุและผล นี่คือกฏเกณฑ์

การแบ่งปันเล็กๆของท่าน
อาจสามารถส่องสว่างให้แก่ชีวิตคนมากมาย

คนมีความฝันจึงทำให้ยิ่งใหญ่
การกระทำยิ่งทำให้ประสบความสำเร็จ
การเรียนรู้ของท่านทำให้ท่านเปลี่ยนแปลง

ขอให้ท่านกระจายความรักของท่าน
ช่วยให้คนส่วนมากเติบใหญ่ขึ้น

ดอกเหมยที่ชายเสื้อ

ดอกเหมย

ตอนที่อายุ 18 ปี ความเกเรทำให้เขาทำร้ายคนอื่นบาดเจ็บสาหัส จึงถูกพิพากษาจำคุก 6 ปี ตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้าคุก ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเขาเลย แม่เป็นหม้าย เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ด้วยความทุกข์ยากลำบาก นึกไม่ถึงว่าเขากำลังจบมัธยมปลาย จะมาก่อเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ได้ เขาทำให้แม่เสียใจ และเขาก็เข้าใจดี แม่โกรธเขาก็สมควรแล้ว

ฤดูหนาวปีแรกในคุก เขาได้รับกล่องพัสดุข้างในบรรจุเสื้อไหมพรมตัวหนึ่ง ที่ชายเสื้อนั้นปักรูปดอกเหมยสีแดงอยู่ 1 ดอก บนดอกเหมยนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กๆ ข้อความว่า

“ขอให้ลูกปรับปรุงตัว ยามแม่แก่เฒ่า แม่หวังพึ่งเจ้าเลี้ยงดู”

ข้อความในกระดาษแผ่นเล็กนี้ ทำให้คนก้าวร้าวนิสัยแย่อย่างเขาร้องไห้นำตานองหน้า นี่เป็นเสื้อไหมพรมที่แม่เป็นคนถักเอง เขาจำลักษณะของลายเส้นได้ แม่เคยพูดกับเขาว่า

“คนเราจะต้องเอาอย่างดอกเหมย ยิ่งผจญกับความทุกข์ยาก ยิ่งจะทำให้ดอกเหมยผลิดอกได้งดงามยิ่งขึ้น”

4 ปีแล้ว แม่ไม่เคยย่างกรายเข้ามาเยี่ยมเขา แต่ทว่า ทุกต้นฤดูหนาว แม่จะส่งเสื้อไหมพรมและข้อความเดิมมาให้ทุกครั้ง เขาพยายามปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้ได้รับการพิจารณาลดโทษ และเมื่อปลายปีที่ 5 เขาก็ได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก

เขาสะพายเป้เดินออกจากเรือนจำ เสื้อไหมพรม 5 ตัวคือสมบัติของเขา เมื่อเขาเดินทางมาถึงบ้าน ปรากฏว่าหน้าบ้านถูกล็อคด้วยกุญแจ และกุญแจนั้นก็ถูกสนิมกินเขรอะไปหมด ต้นหญ้าภายในบ้านก็ขึ้นสูงเกือบฟุต เขารู้สึกแปลกใจ แม่ไปไหม?

เมื่อเขาเข้าไปถามเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านต่างมองเขาด้วยความประหลาดใจ ต่างก็ถามเขาว่ายังอีกปีหนึ่งไม่ใช่เหรอ? เขาส่ายหน้าถามไปว่า

“แม่ผมล่ะ?”

เพื่อนบ้านก้มหน้าแล้วก็บอกกับเขาว่า

“แม่เธอตายไปแล้ว!”

เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อม เป็นไปได้ยังไง! แม่ของเขาอายุเพิ่งสี่สิบกว่าเอง จะตายได้ยังไง? เมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมาเขาเพิ่งได้รับเสื้อกันหนาวของแม่อยู่เลย

เพื่อนบ้านจึงพาเขาไปที่หลุมฝังศพ เขาคุกเข่าร้องไห้เหมือนคนเสียสติ เพื่อนบ้านเล่าว่าหลังจากที่เขาทำร้ายคนอื่นจนบาดเจ็บสาหัส แม่ของเขาต้องไปกู้เงินจากเพื่อนบ้านเพื่อทำการรักษาคนบาดเจ็บนั้น เมื่อเขาถูกจำคุก แม่จึงย้ายไปรับจ้างในโรงงานประทัดที่ห่างจากบ้านประมาณ 100 กิโล นานๆ ถึงจะกลับมาที ส่วนเสื้อไหมพรมที่แม่ส่งไปให้เขานั้น แม่ฝากเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันเป็นผู้ส่งให้ และเมื่อตรุษจีนปีที่แล้ว โรงงานประทัดมีออเดอร์เป็นจำนวนมาก จึงให้พนักงานทำโอที แต่โชคร้ายโรงงานระเบิด คนงานต่างถิ่นที่ทำโอทีสิบกว่าคนหนึ่งในนั้นก็คือแม่ของเขารวมทั้งเจ้าของโรงงานและลูกหลานเสียชีวิตทั้งหมดในเหตุการณ์ครั้งนั้น

พูดถึงตรงนี้ เพื่อนบ้านก็ถอนหายใจ

“ยังมีเสื้อไหมพรมค้างอยู่ที่บ้านฉันอีกหนึ่งตัว เตรียมส่งให้เธอปีนี้!”

เขาตีอกชกตัวร้องไห้ไม่หยุดต่อหน้าหลุมฝังศพแม่ เขาเป็นคนทำให้แม่ตาย เขาเป็นลูกอกตัญญู เขาสมควรตกนรก

วันรุ่งขึ้น เขาขายบ้านแล้วก็นำสมบัติคือเสื้อไหมพรม 6 ตัว ติดตัวแล้วจากไป

4 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาเปิดร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมือง และแต่งเด็กสาวคนหนึ่งเป็นภรรยา

ร้านของเขากิจการดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาหารอร่อยราคาย่อมเยา อีกทั้งความอ่อนน้อมและความกระตือรือร้นของผู้เป็นภรรยาในการต้อนรับแขก

เพราะไม่ได้จ้างคนงาน เขาจึงต้องตื่นประมาณตีสี่เพื่อไปซื้อของมาทำอาหาร สองสามีภรรยาแม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็มีความสุข

อยู่มาวันหนึ่ง หญิงชราหลังคุ้มงอเดินขากระเพลกลากซาเล้งเข้ามาทำมือทำไม้ขอรับจ้างเป็นคนจ่ายตลาดแทนเขา

หญิงชรารับประกันความสดใหม่ของผักและอื่นๆ อีกทั้งให้ราคาต่ำกว่าท้องตลาด หญิงชราคนนี้เป็นใบ้ บนใบหน้ามีแผลเหมือนถูกไฟคลอกมาก่อน ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงสารและเวทนามาก

ภรรยาของเขาไม่เห็นด้วย เพราะรู้สึกสงสารคนแก่ แต่เขาไม่สนใจความเห็นของภรรยา เขาตกลงให้หญิงชราเป็นผู้จ่ายตลาดแทนเขา ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เขารู้สึกถูกชะตากับหญิงใบ้คนนี้เป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะลักษณะของนางเหมือนกับแม่ของเขามาก

หญิงใบ้เป็นคนมีสัจจะ ผักและอาหารอื่นๆ ที่นางจัดซื้อหามาให้ทั้งสวยและสดมาก ทุกเช้าประมาณ 6 โมง นางจะลากซาเล้งพร้อมกับผักเต็มลำมาส่งให้ชายหนุ่มที่ร้าน บ่อยครั้งที่เขาขอเลี้ยงบะหมี่หญิงชรา นางกินค่อยข้างช้า ดูเหมือนนางจะเป็นสุขอย่างมาก

เขารู้สึกสงสารนางจับใจ บอกกับหญิงชราว่า

“ยายมากินบะหมี่ได้ทุกวันนะ ผมเลี้ยงเอง”

เมื่อหญิงชรากินเสร็จก็ยิ้มแล้วเดินกระเพลกๆ ออกจากร้านไป

เขามองตามหญิงชรา ไม่รู้ทำไม เขาเห็นภาพของแม่ทาบอยู่บนร่างของนาง ทำให้เราร้องไห้ตัวโยกด้วยความสะเทือนใจ

ผ่านไป 2 ปีแล้ว จากร้านอาหารเล็กๆ ตอนนี้ร้านของเขากลายเป็นภัตตาคาร 4 ชั้น และด้วยเงินที่สะสมมาหลายปี เขาสามารถซื้อบ้านใหม่ได้อีกหลังหนึ่ง หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนก็คือ คนส่งผักยังเป็นหญิงใบ้คนเดิมอยู่

เช้าวันหนึ่ง เขายืนรอผักอยู่หน้าภัตตาคาร รอเป็นชั่วโมงก็ไม่เห็นหญิงชราเอาผักมาส่ง เขาไม่เคยสอบถามเบอร์โทรศัพท์หรือที่อยู่ของนางเลย แล้วจะติดต่อได้ที่ไหน? ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงหญิงชรา

เมื่อไม่เห็นเงาของหญิงชราว่าจะมาส่งผักได้เหมือนเดิม เขาจึงสั่งลูกน้องออกไปซื้อผักที่ตลาด ผ่านไป 2ชั่วโมง คนงานก็กลับมาจากตลาดพร้อมกับผักและอาหารอื่นๆ เมื่อเขาตรวจสอบดู คุณภาพของผักไม่ได้ครึ่งของหญิงชราที่จัดหามาให้เขาเลย ผักที่หญิงชรานำมาส่งรู้สึกได้เลยว่าถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี

แต่จากวันนั้นเป็นต้นมา หญิงชราก็ไม่ได้มาส่งผักเหมือนเดิมอีกแล้ว

ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ วันนั้นเป็นวันตรุษจีนพอดี ในขณะที่เขากำลังห่อเกี๊ยว เขาก็เอ่ยกับภรรยาว่าอยากจะเอาไปให้หญิงใบ้สักชามหนึ่ง และอยากจะไปดูด้วยว่านางเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่เห็นนางมาส่งผักตั้งอาทิตย์หนึ่งแล้ว ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง? ภรรยาเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดมา เมื่อทำเกี๊ยวเสร็จ เขาก็ยกชามเกี๊ยวใส่ตะกร้าออกจากบ้านเพื่อไปสอบถามถึงหญิงใบ้ที่เดินขากระเพลกกับชาวบ้านในตลาด และเขาก็ทราบว่า หญิงใบ้คนนั้นอาศัยอยู่บ้านเช่าห่างจากภัตตาคารของเขาเพียง 2 ซอยเท่านั้น

เมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านเช่าของนาง เขาเคาะประตูเรียกตั้งนาน ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตู เขาจึงถือวิสาสะผลักประตูเดินเข้าไปในบ้าน ในบ้านแคบๆ มืดๆ นั้น หญิงชรานอนอยู่บนเตียงสภาพหนังหุ้มกระดูก เมื่อหญิงชราเห็นเป็นเขาก็ตกใจ พยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่นางก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีแรง

เขาเอาชามเกี๊ยววางไว้ที่หัวเตียงและก็ถามว่า

“ยายเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า?”

หญิงชราเอาแต่ขยับปากเหมือนอยากจะบอกอะไรกับเขา แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา

เขาเอื้อมมือไปเปิดสวิทช์ไฟที่หัวเตียงแล้วเปลี่ยนจากยืนเป็นนั่งลงข้างๆ แทน

อยู่ๆ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรูปสองสามใบที่ติดอยู่ผนังห้อง เขาตกตะลึง อ้าปากค้างชาวาบไปทั้งตัว

มันเป็นภาพถ่ายของเขากับแม่! ภาพถ่ายเมื่อเขาอายุได้5 ขวบ 10 ขวบ และตอนอายุ 17ปี

ที่มุมห้องมีห่อผ้าเก่าๆ ห่อหนึ่ง บนห่อผ้านั้นมีรูปดอกเหมยไหมพรมติดอยู่

เขาหันกลับมามองหญิงชราด้วยความตะลึง ถามออกไปว่ายายเป็นใครกัน?

หญิงชราก็ตกตะลึงไม่ต่างจากเขา สุดท้ายนางก็เอ่ยออกมาว่า

“ลูกแม่!”

เสียงเรียกว่า “ลูกแม่”นั้น เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี

เขาช๊อกไปครู่หนึ่ง หญิงชราคนนี้ไม่ได้เป็นใบ้ คนส่งผักให้เขาเป็นเวลา 2 ปีคนนี้ ที่แท้เป็นแม่ของเขาเองหรือ!

เขารีบคุกเขากอดแม่ไว้แน่น สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้เสียงระงม

ไม่รู้ว่าเสียงร้องไห้นั้นดังเป็นเวลานานเท่าไหร่ เขาเงยหน้าขึ้นมอง เอื้อมมือไปลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลไฟไหม้ของแม่

“เพื่อนบ้านพาผมไปกราบหลุมศพของแม่ บอกว่าแม่ตายไปแล้ว ผมจึงขายบ้านย้ายมาอยู่ที่นี่”

แม่ของเขาปาดน้ำตา บอกกับเขาว่านางเป็นผู้สั่งให้เพื่อนบ้านบอกกับเขาอย่างนั้น

ในวันที่โรงงานประทัดระเบิด นางรอดชีวิตออกมาได้ แต่ใบหน้าก็ถูกไปครอกจนเสียโฉม เมื่อเห็นสภาพความน่าเกลียดของตัวเอง อีกทั้งฐานะทางบ้านก็ยากจน หากวันหนึ่งลูกชายออกจากคุกมา กลัวว่าจะไม่มีใครยอมแต่งงานกับลูกชายของนาง เพื่อไม่ให้เป็นภาระของลูก นางจึงบอกกับเพื่อนบ้านว่าให้บอกลูกชายของนางว่า นางได้ตายไปแล้ว เพื่อให้ทรัพย์สมบัตินี้เป็นของลูกอย่างชอบธรรม จะได้นำไปตั้งตัวสร้างครอบครัวใหม่ได้

เมื่อลูกชายของนางขายบ้านจากไปแล้ว นางจึงได้กลับไปสอบถามเพื่อนบ้านจึงรู้ว่าลูกชายมาเปิดร้านอาหารอยู่ในเมือง นางจึงเข้ามาเป็นคนเก็บขยะขายประทังชีวิต ใช้เวลาตามหาลูกชายถึง4ปี จึงได้เจอกับร้านอาหารของลูกชาย นางดีใจจบแทบจะเป็นบ้า แต่เมื่อเห็นลูกชายและลูกสะใภ้ทำงานด้วยความลำบาก จึงขันอาสารับเป็นผู้จ่ายตลาดให้ เพื่อแบ่งเบาภาระของลูก ทำมาก็ 2 ปีแล้ว แต่ตอนนี้ขาของนางไม่มีแรง ไม่สามารถลุกเดินเหินได้เหมือนเดิมอีกต่อไป จึงไม่สามารถช่วยลูกชายได้อีกแล้ว

เขาฟังไปร้องไห้ไป ไม่รอให้แม่พูดจบ เขาลุกขึ้นไปหยิบห่อผ้าและอุ้มแม่เดินกลับไปที่บ้าน

เขาอุ้มแม่เดินมาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงบ้านของตัวเอง

แม่พูดกับเขามากมาย แม่บอกว่า วันที่เขาเข้าคุกแม่เกือบจะตาย แต่ก็แข็งใจรอให้ลูกออกจากคุกก่อน แม่ยังตายตอนนี้ไม่ได้จึงกัดฟันอยู่ต่อ เมื่อลูกออกจากคุกมา เห็นลูกยังไม่มีครอบครัว แม่ก็คิดว่าแม่ยังตายไม่ได้ เมื่อเห็นลูกมีครอบครัว มีกิจการงานที่ดี แต่ยังไม่มีหลาน ยังไงแม่ก็ตายไม่ได้ ถึงตรงนี้ นางพูดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข

เขาก็ได้พูดกับแม่ถึงเรื่องราวของเขามากมาย แต่เรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกความจริงกับแม่ก็คือ คนที่เขาชกต่อยด้วยจนบาดเจ็บสาหัสนั้น เป็นเพราะชายคนนั้นใช้วาจาอันแสนหยาบคายพูดดูถูกแม่ของเขา เขาไม่กลัวหากใครจะมาตีหรือทำร้ายเขา เขาทนได้ แต่เขาทนไม่ได้ที่ชายคนนั้นดูถูกแม่ของเขาด้วยวาจาที่แสนต่ำช้าสิ้นดี

แม่อยู่กับเขาได้ 3 วันก็สิ้นใจ คุณหมอบอกกับเขาว่า

“โรคมะเร็งกระดูกที่แม่คุณเป็น น่าจะเสียชีวิตเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่ที่ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อจนถึงตอนนี้ นี่ถือเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก ดังนั้น คุณไม่ต้องโศกเศร้าเสียใจหรอก ท่านได้อยู่กับคุณนานแล้ว”

“แม่ของผมเป็นโรคมะเร็งกระดูก!” เขาอุทานออกไปด้วยความตกใจ

เมื่อเขาแกะห่อผ้าของแม่ ข้างในมีเสื้อไหมพรมถูกพับไว้อย่างดี ยู่หลายผืน มีเสื้อตัวเล็กที่เขียนกำกับว่า “หลาน” อีกผืนหนึ่งเขียนว่า “ลูกสะใภ้” และอีกผืนหนึ่งที่เขียนว่า “ลูกแม่”

ที่ชายเสื้อของทุกตัว จะมีรูปดอกเหมยที่ปักด้วยด้ายไหมพรมสีแดงอยู่

ใต้ห่อผ้านั้น มีใบรับรองแพทย์ของแม่ที่เขียนว่า “มะเร็งกระดูก” วันเวลา เป็นช่วงปีที่ 2 ที่เขาติดคุก

เขายืนตัวสั่น

เหมือนมีมีดปลายแหลมหลายเล่มเสียบแทงไปที่หัวใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
……………….

ร้อยพันความดีงาม ความกตัญญูมาเป็นอันดับหนึ่ง

ความรักของพ่อแม่คือสัจธรรมอันแท้จริง ความกตัญญูของบุตรธิดาก็ควรเป็นสัจธรรมอันแท้จริงเช่นกัน